ถังแรงดันสแตนเลส (Stainless Steel Pressure Tanks)
เป็นถังแรงดันชนิดหนึ่งที่ตัวถังผลิตจากสแตนเลสคุณภาพสูง เช่น AISI 304, 316L เป็นต้น เพื่อรองรับการใช้งานในสภาวะกัดกร่อนสูงหรือที่ต้องการความสะอาดเป็นพิเศษ เช่น ระบบน้ำอุปโภค-บริโภค ระบบเครื่องทำความร้อน ระบบไฮโดรลิก และงานอุตสาหกรรมเคมี ถังเหล่านี้ออกแบบตามมาตรฐาน ASME Section VIII Division 1 เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและประสิทธิภาพการใช้งานในแรงดันตั้งแต่ 10–150 psi (0.7–10 bar) ทั้งในรูปแบบตั้งและนอน มีขนาดตั้งแต่ไม่กี่ลิตรจนถึงหลายพันลิตร จึงเหมาะกับทั้งงานขนาดเล็ก กลาง และขนาดใหญ่ โดยมีข้อเด่นด้านความต้านทานการกัดกร่อน ความทนทานต่ออุณหภูมิสูง และง่ายต่อการบำรุงรักษา
วัสดุสแตนเลส: ใช้สแตนเลสเกรด 300 Series (เช่น 304, 316L) มีคุณสมบัติทนต่อการกัดกร่อนและไม่ปนเปื้อนสารเคมีในของเหลว
แรงดันใช้งาน: ปกติรองรับแรงดันตั้งแต่ 10 psi (0.7 bar) ถึงสูงสุด 150 psi (10 bar) ตามการออกแบบและมาตรฐาน ASME Section VIII Div.1
อุณหภูมิใช้งาน: ทนต่ออุณหภูมิสูงถึง 90–194 °C (194–380 °F) เหมาะทั้งงานร้อนและงานเย็น
แนวตั้ง (Vertical): ประหยัดพื้นที่วาง เหมาะสำหรับพื้นที่จำกัด
แนวนอน (Horizontal): กระจายน้ำหนักได้ดี เหมาะกับการติดตั้งใต้ถุนอาคารหรือในห้องเครื่องใหญ่
มีเยื่อยาง (Diaphragm/Bladder Tank): ภายในมีเยื่อกั้น เพื่อป้องกันการปนเปื้อนและลดการกัดกร่อนภายในถัง
ไม่มีเยื่อ (Conventional Tank): ใช้วิธีอัดลมและของเหลวในถังเดียวกัน เหมาะงานที่ไม่ต้องการความสะอาดสูง
ASME BPVC Section VIII Div.1: เป็นมาตรฐานหลักสำหรับการออกแบบและผลิต pressure vessels ให้มีความปลอดภัยสูงสุด
ASME Section II: กำหนดสเปควัสดุสแตนเลสสำหรับใช้ในถังความดัน เช่น ASTM A240 (สแตนเลส 304, 316L) การตรวจสอบไม่ทำลาย (NDE): เช่น Ultrasonic, Radiography, Dye Penetrant ตาม ASME Section V เพื่อยืนยันความสมบูรณ์ของรอยเชื่อม
ทนการกัดกร่อน: เหมาะกับน้ำเค็ม น้ำกร่อย สารเคมี และของเหลวที่เป็นกรด-ด่าง
อายุการใช้งานยาวนาน: ไม่เป็นสนิมง่าย ทำให้ลดค่าใช้จ่ายบำรุงรักษา
สุขลักษณะสูง: เหมาะกับอาหาร ยา และอุตสาหกรรมที่ต้องการความสะอาดพิเศษ
ต้นทุนสูง: ราคาวัสดุและการผลิตสูงกว่าถังคาร์บอนสตีล
น้ำหนักมาก: การติดตั้งและเคลื่อนย้ายต้องใช้อุปกรณ์ยกที่เหมาะสม
ระบบน้ำประปาแรงดัน: ทดแทนแรงดันปั๊มน้ำ สร้างแรงดันคงที่ในบ้าน อาคาร และโรงงาน
ระบบทำความร้อน (Heating Systems): รองรับการขยายตัวของน้ำร้อนในบอยเลอร์และระบบแลกเปลี่ยนความร้อน
อุตสาหกรรมเคมีและอาหาร: จัดเก็บและจ่ายของเหลวเคมี อาหาร เครื่องดื่ม โดยไม่ปนเปื้อน (ASME Stainless Steel Pressure Vessels)
งานไฮโดรลิกและลมอัด (Air Receivers): เก็บลมอัด ลดการกระแทกของปั๊มลม และเพิ่มประสิทธิภาพระบบ
ตรวจสอบแรงดันและปริมาณลม: เช็คค่า Pre-charge pressure อย่างน้อยเดือนละครั้ง เพื่อให้ได้แรงดันที่เหมาะสม
ตรวจสอบรอยเชื่อม: ใช้ NDE ตาม ASME Section V ทุกปี หรือเมื่อถังใช้งานครบรอบเวลาที่กำหนด ติดตั้งอุปกรณ์นิรภัย: เช่น วาล์วระบายแรงดัน (Safety Valve), เกจวัดความดัน และสวิตช์แรงดัน เพื่อป้องกันการระเบิด
สรุป ถังแรงดันสแตนเลสตอบโจทย์งานที่ต้องการความทนทานต่อการกัดกร่อนและความสะอาดสูง แม้มีต้นทุนสูงกว่า แต่ให้ความคุ้มค่าในระยะยาว ด้วยมาตรฐานการผลิตตาม ASME BPVC และการบำรุงรักษาที่เหมาะสม จะช่วยให้ระบบทำงานปลอดภัยและยืดอายุถังได้ยาวนานยิ่งขึ้น