ถังกรองสแตนเลส

เป็นอุปกรณ์กรองน้ำที่มีบทบาทสำคัญในระบบปรับปรุงคุณภาพน้ำสำหรับการใช้งานหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่การใช้ในครัวเรือนไปจนถึงระบบอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ การพัฒนาเทคโนโลยีการกรองน้ำด้วยถังสแตนเลสได้กลายเป็นมาตรฐานสำคัญในอุตสาหกรรมการผลิตน้ำสะอาด เนื่องจากคุณสมบัติเด่นในด้านความทนทาน ความปลอดภัย และประสิทธิภาพการกรองที่สูง ซึ่งตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ทั้งในระดับบ้านเรือน โรงงาน และสถานประกอบการต่างๆ

คุณสมบัติและข้อดีของถังกรองสแตนเลส

ถังกรองสแตนเลสมีคุณสมบัติเด่นหลายประการที่ทำให้เป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยความทนทานต่อการกัดกร่อนเป็นจุดเด่นหลักที่แตกต่างจากถังกรองวัสดุอื่น สแตนเลสมีความทนทานต่อการกัดกร่อนจากสารเคมี น้ำ และความชื้น ทำให้ถังมีอายุการใช้งานที่ยาวนานและเหมาะสำหรับใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีการกัดกร่อนสูง10 นอกจากนี้ วัสดุสแตนเลสยังไม่เกิดสนิม ทำให้มั่นใจได้ว่าไม่มีการปนเปื้อนจากสนิมลงในน้ำที่ผ่านการกรอง

ความแข็งแรงและทนทานเป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติสำคัญของถังกรองสแตนเลส โดยสามารถทนต่อแรงดันน้ำได้สูงสุด 150-200 PSIซึ่งทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานในระบบที่มีแรงดันน้ำสูง ความทนทานต่ออุณหภูมิสูงยังเป็นคุณลักษณะที่โดดเด่น โดยสแตนเลสสามารถทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิได้ดี ไม่ว่าจะเป็นน้ำร้อนหรือน้ำเย็น10 ด้วยพื้นผิวที่เรียบเนียนและไม่เกาะติดกับสิ่งสกปรก ถังกรองน้ำสแตนเลสจึงง่ายต่อการทำความสะอาดและปลอดภัยต่อการใช้งานที่เกี่ยวข้องกับน้ำดื่มและการผลิตอาหาร

คุณสมบัติด้านความปลอดภัยต่อสุขภาพเป็นจุดเด่นที่สำคัญ เนื่องจากสแตนเลสไม่มีการทำปฏิกิริยากับน้ำหรือสารเคมี ทำให้ไม่มีสารปนเปื้อนหลุดออกมาจากถังลงสู่น้ำที่ผ่านการกรอง นอกจากนี้ ถังกรองน้ำสแตนเลสยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากสามารถรีไซเคิลได้ 100% เมื่อหมดอายุการใช้งาน

ขนาดและการเลือกใช้งาน

ถังกรองสแตนเลสมีขนาดหลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการการใช้งานที่แตกต่างกัน โดยขนาดมาตรฐานที่พบในตลาดมีตั้งแต่ 6 นิ้ว 8 นิ้ว 10 นิ้ว 12 นิ้ว ไปจนถึง 20 นิ้วขึ้นไป3 สำหรับขนาดที่ใหญ่กว่า มีถังกรองขนาด 10 นิ้ว 12 นิ้ว 14 นิ้ว 16 นิ้ว 18 นิ้ว 20 นิ้ว 22 นิ้ว 24 นิ้ว 26 นิ้ว 28 นิ้ว 30 นิ้ว และมีความสูงของถัง 120 ซม.

การเลือกขนาดถังกรองขึ้นอยู่กับการใช้งานเฉพาะ ถังกรองสแตนเลสขนาด 10 นิ้ว หรือ 20 นิ้ว จะนิยมนำไปใช้เพื่อการกรองน้ำที่อัตราการไหลไม่มากนัก ประหยัดพื้นที่ ขนาดกะทัดรัด ไม่ใหญ่จนเกินไป ในขณะที่ถังกรองสแตนเลสขนาด 40 นิ้ว หรือ 60 นิ้ว จัดเป็นถังกรองขนาดใหญ่ซึ่งจะใช้กับโรงงานอุตสาหกรรมใหญ่ เช่น โรงงานผลิตน้ำดื่ม รวมถึงบางแห่งยังอาจใช้เพื่อกรองน้ำบาดาลภายในนิคมอุตสาหกรรมเพื่อความสะอาดก่อนนำไปอุปโภค

วัสดุและการผลิต

คุณภาพของถังกรองสแตนเลสขึ้นอยู่กับเกรดของสแตนเลสที่ใช้ในการผลิต โดยเกรดที่นิยมใช้คือ สแตนเลส 304 และ 316สแตนเลสเกรด 304 เป็นเกรดมาตรฐานที่มีความแข็งแรงทนทาน เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป ในขณะที่สแตนเลส 316 เหมาะกับการใช้ในงานทนกรด ทนต่อสารเคมี

สำหรับการใช้งานพิเศษ สแตนเลส 316L จะแนะนำสำหรับงานประเภทที่ต้องทนต่อกรดและสารเคมีเข้มข้น เพราะมีความทนกรดได้ดีขึ้น โดยมีคาร์บอนเป็นส่วนประกอบเพียง 0.03% โครเมี่ยม 16-18% นิเกิล 12-15% และมีส่วนผสมของโมลิเดนั่ม 2-3%6 สแตนเลสเกรด 316L หากใช้กับงานที่มีรอยเชื่อมจะทนทานกว่า 316 เกิดการกัดกร่อนและเสื่อมสภาพในรอยเชื่อมน้อยกว่า

ความหนาของถังกรองเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความทนทานและแรงดันที่รับได้ โดยมีความหนาตั้งแต่ 1.5-3 มม.การเคลือบป้องกันสนิมภายในถังกรองน้ำสแตนเลสจะเคลือบสารป้องกันสนิม กัดกร่อนจากน้ำ 2 ชั้น โดยความหนาในการเคลือบสารกันสนิมจะอยู่ที่ 100 ไมครอน

สารกรองและการทำงาน

ถังกรองสแตนเลสสามารถบรรจุหรือใส่สารกรองน้ำได้ทุกชนิด ทุกขนาด ไม่ว่าจะเป็นทรายกรองน้ำ สารกรองแอนทราไซท์ สารกรองน้ำคาร์บอน สารกรองน้ำแมงกานีสซีโอไลท์ การกรอง Birm สารกรองน้ำหินปูน หรือสารกรองเรซิ่น Cation Resin Anion Resinการเลือกสารกรองขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์การกรองและคุณภาพน้ำดิบที่ต้องการปรับปรุง

สารกรองแอนทราไซท์และคาร์บอนมีคุณสมบัติในการดักจับตะกอน สารแขวนลอย โคลน สนิมเหล็ก สี กลิ่น สารเคมี ยาฆ่าแมลง สารปนเปื้อน โลหะหนัก ในขณะที่สารกรองเรซิ่นมีคุณสมบัติลดความกระด้างของน้ำ คราบหินปูน แคลเซียม แมกนีเซียม ฝ้าขาวที่เกาะตามสุขภัณฑ์

ระบบการทำงานของถังกรองสแตนเลสได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน โดยมีระบบล้างกลับในตัวเอง (back wash)เครื่องกรองสามารถล้างสิ่งที่เครื่องกรองโดยมีระบบวาล์วปรับสำหรับล้างสารกรองง่ายต่อการใช้ง่าย การติดตั้งออกแบบให้ประหยัดเนื้อที่ง่ายในการติดตั้งเพียงต่อท่อน้ำประปาเข้าตัวเครื่องโดยมีแรงดันที่เพียงพอก็สามารถได้น้ำสะอาด

การบำรุงรักษา

การบำรุงรักษาถังกรองสแตนเลสเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งานของสารกรอง หลังจากการกรองใช้งานระบบกรองน้ำจะมีเศษตะกอน เศษดิน ทราย สิ่งสกปรกต่างๆ ที่อยู่ข้างในถังกรอง จึงต้องมีการล้างย้อนระบบกรองและการฟื้นฟูอยู่เป็นประจำ7 ปกติถ้ามีการดูแลบำรุงรักษาที่ดีสารกรองจะมีอายุประมาณ 2 ปี

สารกรองแต่ละประเภทมีวิธีการบำรุงรักษาที่แตกต่างกัน สารกรองแอนทราไซท์และคาร์บอนต้องล้างย้อนและฟื้นฟูด้วยน้ำทุก 1-2 สัปดาห์ สารกรองแมงกานีสต้องล้างย้อนด้วยน้ำทุก 1-2 สัปดาห์ และฟื้นฟูด้วยน้ำด่างทับทิม 10% ทุก 3-4 เดือน หรือขึ้นอยู่กับการใช้งาน7 สำหรับสารกรองเรซิ่นต้องล้างย้อนด้วยน้ำทุก 1-2 สัปดาห์ และฟื้นฟูด้วยน้ำเกลือ 10% ทุก 3-4 เดือน หรือขึ้นอยู่กับการใช้งาน

เครื่องกรองสแตนเลสจะมีระบบหน้าวาล์วเพื่อปิดเปิดตำแหน่งการล้างย้อน (Back Wash) โดยการหมุนวาล์วปิดตำแหน่งการกรองและหมุนเปิดวาล์วเพื่อทำการล้างย้อน ระยะเวลาในการล้างประมาณ 10-15 นาที ขึ้นอยู่กับน้ำมีความสกปรกมากน้อย อาจจะต้องสังเกตเอาจากตอนที่น้ำทิ้งออกมา ถ้าใสแล้วก็ให้หยุดการล้างได้

การใช้งานในอุตสาหกรรม

ถังกรองสแตนเลสมีการใช้งานอย่างแพร่หลายในหลากหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะสำหรับใช้ในกระบวนการกรองน้ำประปาผิวดิน ระบบผลิตน้ำประปา ระบบกำจัดสนิมหินปูนในน้ำบาดาล ระบบกรองน้ำ RO ระบบกรองน้ำประปาอุตสาหกรรม กรองน้ำประปาหมู่บ้าน กรองน้ำโรงเรียน โรงพยาบาล โรงแรม รีสอร์ท และหน่วยงานต่างๆ

ในงานปรับปรุงระบบน้ำหมู่บ้าน ถังกรองสแตนเลสอาจจะเป็นถังกรองน้ำบาดาล ภายในเครือบอีบอกซี่ ป้องกันสนิมและสามารถต้านทานแรงดันน้ำได้ถึง 150-200 PSI สำหรับโรงงานอุตสาหกรรม มีการผลิตและจำหน่ายเครื่องกรองน้ำ RO อุตสาหกรรม ทุกกำลังการผลิตไม่ว่าจะเป็นเครื่องกรองน้ำขนาดกลาง เช่น เครื่องกรอง RO 6 Q เครื่องน้ำ RO 12000

แรงดันที่ใช้งานของเครื่องกรองน้ำสแตนเลสเริ่มตั้งแต่ 0.5 บาร์ จนถึงแรงดันที่สูงมาก โดยการใช้งานแรงดันของเครื่องกรองน้ำที่สูงมากจะต้องปรึกษากับทางผู้ออกแบบทุกครั้ง ถังกรองสแตนเลสเหมาะสำหรับน้ำประปา น้ำบาดาล น้ำผิวดินทั่วไป

ระยะเวลาในการผลิตและจัดส่งสินค้าโดยทั่วไปจะใช้เวลาประมาณ 5-25 วันทำการ ขึ้นอยู่กับขนาดของถังกรองราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามราคาสแตนเลสในแต่ละช่วง โดยมิได้แจ้งล่วงหน้า บริการจัดส่งสินค้าสามารถทำได้ทันทีถึงปลายทางภายใน 24 ชั่วโมง ตามเงื่อนไขของบริษัทขนส่ง
สรุป

ถังกรองสแตนเลสเป็นเทคโนโลยีการกรองน้ำที่มีความสำคัญและได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมและการใช้งานทั่วไป ด้วยคุณสมบัติเด่นในด้านความทนทาน ความปลอดภัย และประสิทธิภาพการกรองที่สูง ทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานตั้งแต่ระดับครัวเรือนไปจนถึงระบบอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ การเลือกใช้ถังกรองสแตนเลสควรพิจารณาจากขนาดการใช้งาน เกรดของวัสดุ ประเภทสารกรอง และความต้องการเฉพาะของแต่ละพื้นที่ การบำรุงรักษาที่ถูกต้องและสม่ำเสมอจะช่วยยืดอายุการใช้งานและรักษาประสิทธิภาพการกรองไว้ในระดับที่ดี แม้ว่าราคาเริ่มต้นอาจสูงกว่าถังกรองประเภทอื่น แต่เมื่อคิดตามตลอดอายุการใช้งาน ถังกรองสแตนเลสมักเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุด เนื่องจากความทนทานและต้นทุนการบำรุงรักษาที่ต่ำในระยะยาว